อรุณ
ยามแรกของวันใหม่ เมื่อยืนอยู่ตรงริมระเบียงห้อง ข้าพเจ้า มักเลือกที่จะสบตากับต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวชุ่มชื้นเบื้องล่าง ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายการมองขึ้นมาสนใจความต่างของสีอาคารบ้านเรือน สีเขียวยามเช้าให้ความรู้สึกชุ่มชื้นกว่าสีเขียวยามไหนๆ ด้วยเพราะเขียวยามเช้าของใบไม้ยอดหญ้านั้น มักฉาบฉายไปด้วยประกายเม็ดน้ำค้างยามเมื่อค่ำคืน ผลผลิตของธรรมชาติ
ผลิบานทุกเช้าให้ผู้เห็นคุณค่าได้เก็บเกี่ยว
บ้านช่องห้องตึกที่ซ้อนทับสลับไปมา ทั้งสีสันของหลังคา และ ความต่างระดับต่ำสูงบอกอะไรบ้าง คำตอบเดียวในความคิดขณะนั้นคือ ต่อให้บ้านหลังเล็กหรือใหญ่ทัดเทียมฟ้า ย่อมต้องเพาะสร้างจากพื้นดิน ลงหลักปักฐานให้แน่นหนา ก่อนที่จะพาทรวดทรงองค์อาคารผ่านระดับความสูงยิ่งขึ้นไป
แต่..เหนือขึ้นไปกว่านั้น กลับพบเห็นเป็นท้องฟ้าว่างเปล่า คนเราก็มีเท่านี้ หัวไม่พ้นฟ้าขาไม่พ้นดิน แม้อาจบางทีที่หลุดลอยเหนือขึ้นไป แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่ที่เดิม
ท้องฟ้ายามเช้าสีขาวขุ่นเจือหมอกมัวเล็กน้อย
คล้ายกับว่าเมืองทั้งเมืองได้รับการห่มคลุมด้วยผ้าขาวเบาบาง เมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนองศาสูงขึ้น บางครั้งให้รู้สึกเหมือนเป็นสีทองเปล่งปลั่ง มองแล้วอบอุ่นไปในหัวจิตหัวใจ ยิ่งหากได้พบเห็นว่ามีก้อนเมฆน้อยลอยเอื่อยเหมือนก้อนขนมปังชิ้นพอดีคำอันเพิ่งจะได้ออกจากเตาอุ่น เมฆก้อนนั้นมีสีน้ำตาลอ่อน ที่ชายริ้วของก้อน คล้ายเป็นไอกรุ่น
ณ ขณะเวลานั้นร่างกายก็พลันเรียกร้องกาแฟสีเข้มรสขม
สาย
ของเหลวสีดำเข้มแซมน้ำตาลเล็กน้อย ที่ขอบถ้วยมีไอร้อนโรยไล้ไปตามอากาศเบื้องหน้า ข้าพเจ้ารีรอให้ความร้อนผ่อนลงเสียพักหนึ่งจึงยื่นมือไปหยิบ ยกขึ้นมา สารเคมีทำปฏิกริยากับร่างกายและประสาทรับรู้ สีดำของมันดูลึกลับ
มองดูสิ่งรอบตัวแล้วต้องถอนใจ ต้นไม้สักต้นยังไม่มี ห้องทำงานสีขาวสะอาดสว่างไสว แต่ไร้สีสัน ปากกาดินสอหลากสีคงช่วยอะไรไม่ได้มาก มันเอาไว้ทำงานมากกว่าหาความสำราญบันเทิง ฟ้าสีคราม ทุ่งหญ้าสีเขียว น้ำใสไหลเป็นธารปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ในกล่องมายาเราสรรค์หาสิ่งเหล่านี้ได้เพียงนิ้วมือสัมผัส
ประหยัดเวลา แต่ไร้รสชาติ
บ่าย
ความร้อน มันเป็นเวลาแห่งความร้อนสำหรับ ณ ที่นี้ ทำงานจนเมื่อยตาอ่อนล้าเหลือกำลัง ข้าพเจ้าพาตัวเองออกไปจากพื้นที่ ถนนหน้าอาคารมีรถราวิ่งผ่านไปมา สีสันแตกต่างกันไป
สีแดง สีเหลือง สีขาว ดำ หรือ สีเทาตามรสนิยมส่วนตัว ท้ายหลังบางคันมีป้ายเขียนยืนยันขัดแย้งกับสีที่เห็น ‘รถคันนี้สีแดง’ แต่แท้จริงเป็นสีน้ำเงิน ‘รถนี้สีดำ’ แต่แท้จริงคือสีแดง แผลงความคิดความเชื่อเป็นการกระทำ มองไปก็ขำดี แต่ขำมากก็ไม่ดี เพราะเรื่องของสีเป็นเรื่องวุ่นวายใน พศ. นี้
ท้องฟ้าข้างนอกตอนนี้มีสีน้ำเงินเข้ม เมฆน้อยที่เคยลอยระรายหายไปไหนหมด หรือเพราะความร้อนมากเกินไป เมฆน้อยทั้งหลายจึงกระจายหายไปที่หลบร้อน
แต่หากวันใดเมฆน้อยหลายต่อหลายก้อนรู้สึกอึดอัดหม่นหมอง พวกมันจะลอยมารวมตัวเกิดเป็นเมฆฝน สีหม่นเทาแต่โปรยน้ำเย็นชื่นใจ
อัสดง
หมายถึงเมื่อยามเย็น ข้าพเจ้า เรา ท่าน (หรืออาจบางคน) ลาขาด! จากรสชาติห้องหับอับจนไร้สีสัน หมดเวลาทำงานแล้ว-บางคนตะโกนลั่นในห้วงคิด
สีสันยามเย็นย่อมไม่พ้นอาหารการกิน ความหิวเป็นสิ่งที่ไม่ต้องครุ่นคิดตริตรอง กลิ่นและสีช่วยส่งเสริมรสชาติให้สมองอีกประการ สีแดงทำให้เจริญอาหาร สีเขียวทำให้บรรยากาศรื่นรมย์ สีน้ำเงินทำให้อารมณ์สงบเยือกเย็น ส่วนคนมีความรักมักตาบอดสี กินอะไรก็อร่อยไม่ต้องมาคอยเลือก
อาหารแต่งสีมีมาก แยกไม่ออกว่ามากจากอะไรไปเป็นสีอะไร ที่เกิดจากธรรมชาติแม้มีแต่ก็น้อยเหมือนกัน เพราะแม้แต่สีที่ใช้ปรุงแต่งก็ยังลอกเลียนธรรมชาติ น้ำหวานแต่งสีแต่งรส – เลียนแบบธรรมชาติ แต่ทำเท่าไรก็เพียงแต่คล้ายได้แค่เคียง
แสง – สี
ดวงไฟนับร้อยนับพันค่อย ๆ เบ่งบานขานรับค่ำคืนที่กำลังกร่ำกราย มีแสงก็มีสี แสงทำให้เกิดสี แสงไม่มีสี ไม่มีแสงก็ไม่มีสี หรือาจมีก็เป็นสีมืดดำ อัสดงอันอบอุ่นกำลังเยียบเย็นขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อย
บางคนยกมือขึ้นกอดอกโดยไม่รู้ตัว บ่นเสียดายที่ลืมมองพระอาทิตย์ตกดิน
ค่ำคืน
ดึกดื่น – มืดมิด แสงไฟภายนอกห้องย่อมสว่างกว่าข้างใน มีสีอีกมากมายคล้ายจะย้อมเมืองได้ทั้งเมือง สีบางสีใช้ล่อแมลง แสงสว่างมากน้อยเพียงนิดทำให้อารมณ์ความคิดผู้คนปรับเปลี่ยน
ความมืดมิดบางครั้งหมายถึงสีดำ บางความเชื่อนั้นเห็นว่าเป็นของไม่ดี แต่บางความเชื่อ เห็นว่าดีจนต้องมีไว้บูชา แตกต่างก็ตรงวาจาจะกล่าวหากันไป ส่วนข้าพเจ้า ยามพักผ่อนหลับไหล ขอแค่ผ้าห่มคลุมกาย ที่ท่อร้อยด้วยเส้นด้ายแห่งความมืดมิดสีดำเป็นอันเพียงพอ
พระจันทร์ไม่เคยแต่งหน้า
อรุณรุ่ง
เช้าวันใหม่อีกครั้ง เหมือนทุกครั้งหากแต่ต่างกันเล็กน้อยเชิงปริมาณ มากกว่าหรือน้อยกว่า? ข้าพเจ้าถามและขานตอบไปเองว่า ‘ไม่รู้’
แช่มเช้าอากาศดีเหมือนเคย คงมีแต่ธรรมชาติเท่านั้นกระมัง ที่ไม่ต้องคิด ไม่ต้องตั้งคำถามว่า…
‘ วันนี้จะใส่เสื้อสีอะไร? ‘
ปารมิตา